วัดพระแก้ว หรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (Wat Phra Kaew หรือ Temple Of The Emerald Buddha)
วัดพระแก้ว หรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม สถานที่แรกที่เราจะพาขึ้นฝั่งมาชมคือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่นิยมเรียกกันว่าวัดพระแก้ว สถานที่แห่งนี้นอกจาก เป็นศรีสง่าเคียงคู่อยู่เจ้าพระยาแล้ว ยังนับเป็นวัดที่สำคัญที่สุดแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของไทย และเป็นแลนด์มาร์คของโลกอีกแห่งหนึ่งด้วย
วัดพระแก้ววันนี้ยังคงคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวเทศจากแทบทั่วทุกมุมโลกที่หลั่งไหลแวะเวียนกันมาเยี่ยมชมอย่างไม่เคยขาดสาย สมกับที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของกรุงเทพมหานคร ด้วยความวิจิตรบรรจงของสถาปัตยกรรมต่างๆ เช่น พระอุโบสถ พระศรีรัตนเจดีย์ ปราสาทพระเทพบิดร และนครวัตจำลอง รวมทั้งศิลปกรรมที่งดงามและละเอียดอ่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งจิตรกรรมฝาผนังรามเกียรติ์ (วรรณดีไทย) วัดแห่งนี้จึงถือเป็นมรดกชิ้นเอกของชาติ ไม่เพียงเท่านี้ ยังเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต (Emerald Buddha) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอันศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างในอาณาจักรล้านนาราว 600 ปีก่อน
พระบรมมหาราชวัง (Grand Palace)
พระบรมมหาราชวัง ถัดจากวัดพระแก้วคือพระบรมมหาราชวัง เนื่องจากการเข้าชมสถานที่ทั้งสองแห่งนี้เขาจัดให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าทางวัดออกทางวัง เป็นเส้นทางวนรอบไม่ย้อนกลับ ภายในบริเวณพระบรมมหาราชวังประกอบด้วยหมู่พระที่นั่งสำคัญมากมายแต่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ชมเพียงบางส่วนเท่านั้น เริ่มกันที่พระที่นั่งบรมพิมาน (Borom Phiman Throne Hall) อันเป็นเขตพระราชฐานส่วนพระองค์ฯ พระที่นั่งนี้ไม่อนุญาตให้เข้าชมแต่เราสามารถมองเห็นได้ผ่านรั้วประตู เป็นอาคาร 2 ชั้นมีลักษณะเด่นคือหลังคารูปโค้งทำจากหินชนวน เป็นสถาปัตยกรรมแบบเฟรนซ์เรเนซองซ์
วัดโพธิ์ (Wat Pho) หรือวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
วัดโพธิ์ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ วัดโพธิ์เป็นราชวรมหาวิหารชั้นเอกตั้งอยู่ถัดจากพระบรมมหาราชวังลงมาทางทิศใต้ สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นสุดที่ไม่ควร พลาดชมคือวิหารพระพุทธไสยาสน์ ที่ภายในประดิษฐานพระนอน หรือพระพุทธไสยาสน์ (Reclining Buddha) องค์ใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ ซึ่งมีความวิจิตรงดงามอย่างมาก ถัดมาคือพระมหาเจดีย์สี่รัชกาล พระมณฑปหรือ หอไตรจตุรมุข ยักษ์วัดโพธิ์ และซุ้มประตูวัดทรงมงกุฏที่สวยงาม นอกจากยักษ์วัดโพธิ์และตุ๊กตาจีนที่มีอยู่มากมายทั่ววัดแล้ว วัดโพธิ์ยังขึ้นชื่อว่าเป็นวัดที่มีพระเจดีย์จำนวนมากที่สุดในประเทศด้วย และอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของ ชาวไทยคือ องค์การ UNESCO ได้รับรองและขึ้นทะเบียนให้แผ่นศิลาจารึกภายในวัดโพธิ์ที่จารึกสรรพวิชาการแขนงต่างๆ ทั้งตำราการแพทย์ โบราณคดี วรรณกรรม จำนวนมากมายขึ้นเป็นมรดกความทรงจำโลก (Memory Of The World)
สวนสันติชัยปราการ (Santi Chai Prakan Pavilion and Public Park)
สวนสันติชัยปราการ สวนสาธารณะระดับชุมชนเมืองริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นสวนสาธารณะขนาดย่อมๆ บนเนื้อที่ 8 ไร่เศษๆ ด้านฝั่งพระนครโดยตั้งอยู่ตำแหน่งกึ่งกลางระหว่าง สะพานพระราม 8 ทางด้านเหนือกับสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าทางด้านทิศใต้ หัวมุมถนนพระอาทิตย์ต่อกับถนนพระสุเมรุและปากคลองบางลำพู สวนนี้คืออีกหนึ่งเสน่ห์ริมน้ำเจ้าพระยา ทำเลที่ตั้งอยู่บนคุ้งแม่น้ำช่วงตอนที่มี ทัศนียภาพสวยงาม สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์และสร้างให้สวนสันติฯ นี้เด่นจดจำง่ายคือ “ป้อมพระสุเมรุ” (Phra Sumen Fort) เป็น 1 ใน 2 ป้อมปราการป้องกันพระนครในอดีตของกรุงเทพที่ยังคงเหลืออยู่ ซึ่งอีกแห่งหนึ่งคือป้อม มหากาฬ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจไม่น้อยอีกแห่งหนึ่ง ตลอดทั้งวันโดยเฉพาะยามเช้าและเย็นค่ำ ผู้คนมากมายจะมาพักผ่อน ออกกำลังกาย และทำกิจกรรมนันทนาการต่างๆ
พิพิธภัณฑ์เรือพระราชพิธี (National Museum Of Royal Barges)
พิพิธภัณฑ์เรือพระราชพิธี ข้ามฟากมาทางฝั่งธนบุรีบ้าง ที่ปากคลองบางกอกน้อยมีสถานที่น่าสนใจไม่น้อยอีกแห่งหนึ่ง เชื่อว่าไม่มีใครยังไม่รู้จักกระบวนพยุหยาตราทาชลมารค ซึ่งเป็น ราชประเพณีกระบวนการเสด็จพระราชดำเนินทางน้ำที่มีมาแต่โบราณกาล เป็นกระบวนเรือที่ยิ่งใหญ่มีชื่อเสียงขจรไกลไปทั่วโลก เรือในพระราชพิธีเหล่านี้เก็บรักษาดูแลอยู่ที่ไหนในยามปกติ ที่นี่เลย พิพิธภัณฑ์เรือพระราชพิธี ปากคลองบางกอกน้อย ในพิพิธภัณฑ์เรือพระราชพิธีนี้เราจะได้ชมเรือต่างๆ ที่ใช้ในกระบวนพยุหยาตราอย่างใกล้ชิด แต่ละลำจอดทอดตัวสงบนิ่งอยู่เหนือน้ำ อาทิ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ (The Royal Barge SUPHANNAHONGSE), เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช (The Royal Barge ANANTANAGARAJ), เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 (The Royal Barge NARAI SONG SUBAN H.M.RAMA IX), เรือพระที่นั่งอเนกชาติ ภุชงค์ (The Royal Barge ANEKCHATBHUCHONGE)
สะพานพระราม 8 เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาลำดับที่ 13 ในเขตกรุงเทพ เป็นอีกสะพานหนึ่งที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานศิลปะแบบไทยๆ ในรูปของสะพานขึงแบบอสมมาตรเสาเดี่ยว 3 ระนาบที่ยาวที่สุดใน โลก เชิงสะพานด้านฝั่งธนฯ สร้างเป็นสวนสาธารณะขนาด 35 ไร่ในชื่อ “สวนหลวงพระราม 8” เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่มีบรรยากาศดีและมทัศนียภาพแม่น้ำสวยงาม
สะพานพระพุทธยอดฟ้าและพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 1 (Phra Phuttha Yodfa Bridge and The Monument of King Rama I.)
สะพานพระพุทธยอดฟ้าและพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 1 (Phra Phuttha Yodfa Bridge and The Monument of King Rama I.) เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งที่สองของประเทศไทย สร้างในสมัยรัชกาลที่ 7 เป็น สะพานโครงสร้างเหล็ก สมัยก่อนท่อนกลางสะพานเปิดปิดได้เพื่อให้เรือขนาดใหญ่ผ่าน สะพานนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ ซึ่งจัดเป็นสะพานที่สวยสไตล์คลาสสิคและมีเสน่ห์ตรงที่ทำเลอยู่บนคุ้งน้ำเจ้า พระยาช่วงตอนที่มีภูมิทัศน์สวยงามและเห็นพระปรางค์วัดอรุณได้อย่างเด่นชัด นอกจากนี้ เชิงสะพานฝั่งด้านพระนครยังเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 1 และมีลานสาธารณะเอนกประสงค์กว้างขวางอยู่ด้าน หน้า ที่ใช้เป็นเป็นทั้งลานกีฬาและที่นั่งพักผ่อน ยามค่ำคืนบริเวณรอบๆ เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้าฝั่งพระนครนี้จะกลายเป็นตลาดนัดยอดนิยม ที่มีสินค้าแฟชั่นทันสมัยทั้งแบบมือใหม่แกะกล่องและมือสอง จุดเด่นอีกอย่างหนึ่ง คือตลาดนัดนี้มีเหล่าศิลปินอิสระมากมายมานั่งรับจ้างวาดภาพเหมือนในสนนราคาไม่แพงด้วย
วัดอรุณราชวราราม (Wat Arun)
วัดอรุณราชวราราม (Wat Arun) วัดอรุณเป็นราชวรมหาวิหารหรือพระอารามหลวงชั้นเอก ตั้งอยู่ริมน้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี และมีสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงคือ พระปรางค์ ซึ่งสร้างตามแบบฉบับศิลปะสมัยอยุธยาโดยประดับตกแต่ง ลวดลายด้วยกระเบื้องเคลือบจีนได้อย่างสวยงาม วัดอรุณเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองไทยที่ชาวโลกต่างรู้จักกันดี โดยมีชื่อเรียกอีกอย่างว่าวัดแจ้ง อยู่ตรงข้ามตลาดท่าเตียนและวัดโพธิ์ ทั้งวัดสองวัดนี้มีความโดดเด่นคล้ายกัน ตรงที่มีรูปปั้นยักษ์ นักท่องเที่ยวที่ไปดูยักษ์วัดโพธิ์แล้วก็มักนั่งเรือข้ามฟากมาชมยักษ์วัดแจ้ง และมีหลายคนที่เฝ้ารอยามเย็นที่ฝั่งตรงข้ามวัดอรุณเพื่อชมทัศนียภาพริมน้ำและบรรยากาศพระอาทิตย์ตกโดยมีพระปรางค์วัดอรุณ เป็นฉาก
โบสถ์กาลหว่าร์ (Holy Rosary Church)
โบสถ์กาลหว่าร์ โบสถ์ของคริสต์ศาสนิกชนที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งริมน้ำเจ้าพระยา ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 และถือเป็นโบสถ์เก่าแก่ที่อยู่คู่กรุงรัตนโกสินทร์ โบสถ์แห่งนี้กำเนิดขึ้นสืบเนื่องจาก ความขัดแย้งของชาวชุนชนเชื้อสายโปรตุเกสย่านวัดซางตาครู้สที่เกิดปัญหาด้านการยอมรับเชื้อสายของประมุขมิสซังสยามที่ไม่ใช่ชาวโปรตุเกส แต่เป็นชาวฝรั่งเสศ ทำให้ชาวโปรตุเกสแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ไม่ยอมรับ อำนาจปกครองของประมุขมิสซังใหม่จึงแยกตัวออกตั้งถิ่นฐานใหม่และต่อมาได้สร้างโบสถ์แห่งใหม่ขึ้น มีชื่ออีกอย่างว่าวัดแม่พระลูกประคำ เป็นโบสถ์ที่มีความสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิค ปัจจุบันนี้กรมศิลปากรได้ ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน
ศุลกสถาน (Customs House) โรงภาษีร้อยชักสาม ณ สถานีดับเพลิงเก่า บางรัก
ศุลกสถาน (Customs House) อาคารสามชั้นสถาปัตยกรรม Neo-Palladion อายุกว่าร้อยปีที่ในอดีตยุคนั้นนับเป็นตึกที่สวยงามที่สุดตึกหนึ่งในกรุงเทพ เป็นที่ทำการศุลกากรหรือเรียกอย่างในสมัยนั้นว่า “ศุลกสถาน” เป็นด่านเก็บ ภาษีจากสินค้าต่างประเทศที่ต้องขนส่งผ่านมาทางแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อมาเทียบท่าขึ้นพระนคร เรียกติดปากในสมัยนั้นว่า “โรงภาษีร้อยชักสาม” คือเก็บภาษีจากราคาขายสินค้าทุกชนิดในอัตราร้อยละสามนั่นเอง ต่อมาได้เปลี่ยน มาใช้เป็นสถานที่ตั้งของสถานีดับเพลิงบางรัก และกลายมาเป็นสถานีดับเพลิงเก่าในปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้ปัจจุบันเป็นที่นิยมของผู้ชื่นชอบการถ่ายภาพตึกเก่าและถ่ายภาพแต่งงานที่ได้ฉากตึกเก่าที่สวยงาม
สะพานพระราม 9 หรือสะพานแขวน (Rama IX Bridge)
สะพานพระราม 9 หรือสะพานแขวน (Rama IX Bridge) สะพานที่สร้างแบบเสาขึงระนาบเดี่ยว ซึ่งสร้างเป็นแห่งแรกในประเทศไทย แต่คนเรียกติดปากเป็นสะพานแขวน ใกล้ๆ กันนี้ มีตึกสนง.ใหญ่ธนาคารกสิกรไทยตั้งขนาบอยู่ เชิงสะพานด้านฝั่งธนฯ และเชิงสะพานฝั่งตรงข้ามจัดสร้างเป็นสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติสะพานพระราม 9 ทำให้กลายเป็นจุดชมภูมิทัศน์ช่วงแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยน่าชมอีกจุดหนึ่ง ทั้งในยามค่ำคืนที่มีแสงไฟสว่างจากตึก กสิกรและสะพานกระทบสายน้ำ ก็ได้บรรยากาศสวยไปอีกแบบ
สะพานภูมิพล (Bhumibol Bridge) หรือสะพานวงแหวนอุตสาหกรรม (Mega Bridge)
สะพานภูมิพล (Bhumibol Bridge) นี่น่าจะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยงามยิ่งใหญ่อลังการน่าทึ่งกับการออกแบบก่อสร้างที่สุดเลยทีเดียว เป็นสะพานรูปตัววายทอดข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาสองช่วงตอน คือสะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2 เชื่อมถนนพระราม 3 เข้ากับถนนปู่เจ้าสมิงพราย จ.สมุทรปราการ โดยมีทางต่างระดับแยกกลางที่ท่อนต่อระหว่างสองสะพานบริเวณคอขอดบางกระเจ้าเหนือคลองลัดโพธิ์ แยกลงสู่ถนนสุขสวัสดิ์ได้อีกสายหนึ่ง
นี้คือบางส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวและจุดน่าสนใจต่างๆ ตลอดลำน้ำเจ้าพระยาช่วงที่ไหลพาดผ่านกลางใจเมืองกรุงเทพมหานคร ที่ ณ วันนี้ยังคงอบอุ่นแฝงไว้ด้วยเสน่ห์พร้อมรับผู้คนมาได้เที่ยวได้ชมกัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น